21 มี.ค. 2554

แสงนั้น สำคัญไฉน?

เมื่อพูดถึงแสง กับ บรรยากาศ แล้ว 2 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน 
ยากที่จะแยกขาดออกจากกันได้ สถานที่ไหนที่มีบรรยากาศที่ดี ก็มักจะเกิดจากการออกแบบแสง 
หรือสภาพแวดล้อมทางแสงที่ดีด้วยนั่นเอง

ในครั้งนี้ จึงอยากจะหยิบยก ตัวอย่างงานออกแบบในประเทศไทย มีการการออกแบบแสงที่น่าสนใจ 
และสอดรับกับรูปแบบของพื้นที่การใช้งานของสถานที่นั้นๆ รวมทั้งหมด 3 โครงการ มาให้ดูกันครับ

เริ่มจาก The Barai, Spa Resort 
ออกแบบโดย คุณเมธา ที่มีคอนเซปของการออกแบบ ที่ต้องการให้ผู้ที่มาเข้าพักใน The Barai
รู้สึกเหมือน ได้หลุดเข้ามาพักผ่อนในอีกโลกหนึ่ง ที่แตกต่างจากชีวิตประจำวันที่เราพบเจอ 

การออกแบบบรรยากาศภายใน จึงเน้นความประณีตของแสงที่ทำงานกับสเปซ (Space) ที่ชักชวนอารมณ์ให้เพริดพราย
ไปกับความหรูขรึมของอาณาจักรขอมอันรุ่งเรืองในอดีต รู้สึกเป็นส่วนตัว ผ่อนคลาย และสอดรับกับรูปแบบการให้บริการสปา 
 ที่มีขั้นตอนที่ประณีต และละเอียดอ่อน 


 การเจาะช่องแสง และการให้แสงที่ส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศของการพักผ่อน ที่ผ่อนคลาย



บริเวณทางเดินไปสู่พื้นที่บริการสปา ที่ใช้ดวงไฟ Up Light วางเป็นจุดๆ เว้นระยะห่างเท่าๆกันเป็นจังหวะ 

ในขณะที่สภาพแสงรอบด้านมืดหมด ทำให้เมื่อเดินผ่านบริเวณนี้ จะทำให้เราต้องมีสติในการเดิน และค่อยๆเดินผ่านแสงไฟที่สาดเข้าใส่ผนังเป็นจังหวะอย่างช้าๆ ไปโดยปริยาย ถือว่าเป็นจุดเชื่อมต่อทำให้ผู้เข้ามาใช้บริการ ได้ใช้เวลาในการเดินผ่านทางเดินนี้ ในการรวบรวมสติ อยู่กับตัวเองในปัจจุบันขณะอย่างเป็นรูปธรรม 



บริเวณปลายทางจะเป็นข่องเปิดที่รับแสงเข้ามาอย่างเต็มที่ เป็นแสงสว่างจ้า 
ที่ขัดแย้งกับสภาพบรรยากาศระหว่างทางเดิน ที่มีความสลัวมากๆ 
ทำให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเบิกบาน และสดชื่น

โครงการที่ 2 Mansion 7

เป็นการผสมผสานระหว่าง Boutique Mall กับ Haunted Thrill Park จนกลายมาเป็น Boutique Thriller Mall
โดยเน้นการสร้างบรรยากาศภายในให้รู้สึกน่ากลัว และวังเวงด้วยเทคนิคการให้แสง และสีของแสงที่สลัว
มีการผสมสีของแสงให้ เกิดมิติของพื้นที่ ดูลึกลับ และน่าค้นหา


มีการใช้อุปกรณ์ฉายภาพ และจอรับภาพอื่นๆ เพื่อช่วยในการสร้างบรรยากาศให้เกิดความสมจริงมากยิ่งขึ้น


 แสงที่จะสว่าง เฉพาะพื้นที่บริเวณร้านขายของ จำลองสภาพบรรยากาศเหมือนเวลากลางคืน




มีการจำลองลักษณะของแสงจากพระจันทร์ ที่ส่องผ่านต้นไม้ในเวลากลางคืน   
สาดลงมาที่พื้น และบริเวณทั่วไปที่ผู้ที่เข้ามาใช้งาน สามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด

โครงการที่ 3  Bar B Q Plaza สาขา Central World  
ซึ่งเป็นตัวอย่างงานออกแบบสุดท้าย

โดยที่สาขานี้ เป็นสาขาที่ทาง Bar B Q วางไว้ให้เป็น Flagship Store และมีแนวความคิดในการออกแบบให้เป็น เหมือนพื้นที่Outdoor คือจำลองสภาพบรรยากาศของการทานอาหารประเภทปิ้งย่าง ในบรรยากาศที่สนุกสนาน กลางแจ้ง


บริเวณฝ้าเพดาน ใช้วัสดุลูมินา เซลลิ่ง  (Lumina Ceiling)  
ที่สามารถกระจายแสไฟ Natural White ที่ซ่อนอยู่ และให้เอฟเฟค 
เหมือนเป็นบรรยากาศของห้องที่มีหลังคากระจกอยู่ด้านบน 


การตกแต่งส่วนอื่นๆ ใช้ลวดลายกราฟิก และการประดับโคมไป 
ที่เพิ่มให้เกิดบรรยากาศ การรับประทานอาหารที่มีสีสัน และสนุกสนานมากยิ่งขึ้น


จากโครงการและงานออกแบบ ที่ยกตัวอย่างขึ้นมาเล่าทั้ง3 ตัวอย่างนี้ เป็นตัวอย่างงานออกแบบ
ที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แสงเป็นองค์ประกอบหนึ่ง และเป็นองค์ประกอบสำคัญ 
ที่ช่วยส่งเสริมอารมณ์ บรรยากาศให้แก่สภาพแวดล้อมภายในรวมถึงสถาปัตยกรรมนั้นๆ
ให้มีคุณค่าและความน่าสนใจเป็นอย่างมากจริงๆครับ 

หากท่านผู้ติดตามท่านไหน มีเรื่องที่สนใจและอยากให้ทางเราเขียน
เพื่อร่วมกันแชร์หัวข้อที่สนใจ ก็สามารถติดต่อเรามาได้ที่อีเมลล์  Lightinghouseblog@gmail.com นะครับ 
สำหรับครั้งนี้ต้องขอลาไปก่อน

สุขสันต์ วันที่แสงอยู่รอบๆตัวเราครับ



3 มี.ค. 2554

Lighting Design Trends 2011- 2/2


10 เทรนด์ แสง
Lighting Design Trends 2011 - chapter 2/2


สามารถติดตามเรื่องราวของ Lighting Design Trend ตอนที่ 1 ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้นะครับ
http://lightinghouse-theartmosphere.blogspot.com/2011/03/10-lighting-design-trends-2011.html

เทรนด์อันดับที่ 6
แทรคไลท์และไฟติดผนัง (Track Lights and Sconces)

แทรคไลท์ไม่เคยไม่เป็นที่นิยมโดยเฉพาะกับงานประเภทบ้าน อย่างไรก็ตามมีการพยากรณ์ว่ามันจะได้รับความนิยมมากขึ้นในปีนี้ เนื่องด้วยความสามารถที่หลากหลายและสามารถทำให้ตำแหน่งที่คุณต้องการเน้นในห้องสว่างขึ้น รวมถึงสามารถเก็บซ่อน ปรับให้สลัวหรือเกิดร่มเงาได้ดี
ไฟติดผนังก็เช่นกัน เป็นที่นิยมกับงานบ้านโดยเฉพาะบ้านขนาดเล็ก เป็นทางเลือกที่ดีและลงทุนน้อย แต่ได้ผลมากสำหรับการทำให้บ้านเปลี่ยนความรู้สึกให้ดูใหม่ขึ้น

Glitters by Lasvit - Lighting House

เทรนด์อันดับที่ 5
สีหรือพื้นผิวโลหะ (Deep Metal Colors)
โทนสีโลหะและพื้นผิวแบบโลหะที่ให้อารมณ์ดิบๆ จะให้ความรู้สึกทั้งคลาสสิกและเก๋มากในเวลานี้ ทั้งนี้ถ้าสามารถสร้างสมดุลระหว่างอารมณ์ดิบกับความสง่างามได้ ดวงโคมสไตล์ผิวโลหะก็เหมาะกับทุกส่วนในบ้านหรือร้านค้า และให้ลุคที่เทรนดี้

B03 - Lighting House

Information Centre at the Groninger Museum by Jaime Hayón



เทรนด์อันดับที่ 4
ไฟแบบไร้สาย (Wireless Lights)
ไฟแบบไร้สาย หรือไฟที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ทำให้สามารถสร้างแสงในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น โต๊ะกลาง, Lounge, ต้นไม้ หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเดินสายไฟได้ ทำให้ใช้ฮาร์ดแวร์น้อยลง, จัดไฟได้เร็วขึ้น แถมราคาของไฟประเภทนี้ก็ถูกลงเรื่อยๆเนื่องจากมีความต้องการมากขึ้นอีกด้วย มีแต่ข้อดีแบบนี้จะไม่ให้มีความนิยมมากขึ้นได้อย่างไรกันเนี่ย 

Wireless lighting system by Cinimod Studio product design

เทรนด์อันดับที่ 3
ไฟอินเตอร์แอ๊คทีฟและการฉายภาพวิดีโอ (Interactivity and Video)
2-3 ปีที่ผ่านมา การฉายไฟอินเตอร์แอ็คทีฟและวิดีโอนั้นได้รับความนิยมมากในงานแบรนด์ดิ้ง อีเว้นท์ต่างๆ และนักออกแบบก็นำไปใช้ให้เกิดเอฟเฟคที่สร้างความตื่นเต้น เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาให้กับทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่พื้น ผนัง เพดาน และใช้แสดงเนื้อหาของแบรนด์อีกด้วย เป็นวิธีที่ใช้กันกว้างขวางโดยเฉพาะกับงานโทรทัศน์ เช่น งานประกาศผลรางวัล, เกมโชว์, คอนเสิร์ต หรือปาร์ตี้ งานแสดงสินค้า เป็นต้น


Interactive Floor for Acer’s product launch event in New York
             Tron Legacy Premiere after-party in London

         YouTube’s event at the Guggenheim Museum

เทรนด์อันดับที่ 2
ไฟแอลอีดีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Environmentally Friendly LED)

50 ปีหลังจากที่มีการคิดค้นไฟ Light Emitting Diode (LED) ขึ้นมา ก็เป็นรูปแบบที่นักออกแบบนิยมเลือกใช้สำหรับงานแทบทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าไฟประเภทอื่นๆ แต่มีประสิทธิภาพสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานที่นาน สามารถประหยัดพลังงานมากกว่าถึง 8% ซึ่งเทรนด์นี้ก็เป็นผลมาจากเทรนด์การออกแบบ Green Movement นั่นเอง
และเมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น LED ก็สามารถให้แสงไฟแบบ Warm white ได้มากขึ้นเรื่อยๆ มีรูปแบบให้เลือกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฟังก์ชั่นดีไซน์เจ๋งๆมาให้เราได้เล่นอย่าง Diva ที่ออกแบบให้เล่นเพลงจาก iPod, iPhone และเป็นไฟอ่านหนังสือไปพร้อมๆกัน (ดูภาพ)


                                         Diva By Rotaliana – Lighting house

LED-lit artificial cherry tree at the annual Make-a-wish Ball held in Miami by Triton Productions and Atmosphere Lighting

เทรนด์อันดับที่ 1
แสงไฟจากธรรมชาติ (Natural Light)
ไม่น่าเชื่อว่าเทรนด์อันดับหนึ่งจะคืออะไรที่เรียบ ง่าย ประหยัดแต่หรูหราและงดงามที่สุด นั่นคือแสงไฟจากธรรมชาตินั่นเองครับ นักออกแบบจะเน้นการทำช่องเปิดที่มากขึ้น ใหญ่ขึ้น ให้รับแสงจากภายนอกได้มากที่สุด และเล่นลูกเล่นของสี ขนาด ลวดลาย จังหวะกับวิธีรับแสงอาทิตย์เข้ามาให้เกิดความงามภายใน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของหน้าต่าง หรือ skylight ที่กำลังจะได้รับความนิยมมากขึ้นกับการออกแบบในอนาคต การออกแบบที่คุ้มค่า ตรงตามการใช้งานแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการออกแบบที่ชาญฉลาดที่สุดครับ

Galeria.Solar.S.Roque by Manuel Maia Gomes


55 Blair Road by ONG&ONG



ปกติเทรนด์การออกแบบงาน interior นั้นจะมีอายุประมาณ 2-5 ปีนะครับ ไม่เหมือนพวกแฟชั่น ที่เปลี่ยนกันอย่างต่ำทุกเดือน อย่างไรก็ตามการนำเทรนด์ไปใช้ คือไม่ใช่คัดลอก แต่ต้องรู้จักปรับให้เหมาะกับกาลเทศะ งานของตนด้วยนะครับ




Credit ภาพและเรื่อง


2 มี.ค. 2554

Lighting Design Trends 2011- 1/2

10 เทรนด์ แสง
Lighting Design Trends 2011 - chapter1/2

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน เผลอแวบเดียวเราก็ขึ้นสู่เดือนที่ 3 ของปี 2011 กันแล้ว เวลาและวารีไม่เคยรอคอยใคร เรื่องแนวทางการออกแบบไฟก็ย่อมเปลี่ยนตามเวลาเช่นกันครับ ฉะนั้นคงจะไม่สายไปถ้าวันนี้ผมจะนำเรื่องแนวโน้มของการออกแบบแสงในของปี 2011 มาแชร์ให้ทุกท่านได้ทราบกัน อันที่จริงถ้าพูดถึงเทรนด์ในเรื่องการออกแบบตกแต่งภายในแล้ว ปกติในบ้านเราจะช้ากว่าทางทวีปยุโรปและอเมริกา 1-2 ปีเลยหละครับ (ความไวจะแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นกับประเภทธุรกิจด้วยว่าเป็น บ้าน, คอนโด, หรือร้านค้า ฯลฯ) จึงเรียกว่าถ้าได้นำไปปรับใช้ตอนนี้ก็ถือว่าทำได้เร็วก่อนใครในประเทศไทยแน่นอน แต่ต้องระวังวิธีการนำไปใช้ให้เหมาะสมกับกาลเทศะด้วยหละครับ
ในปี 2011 เรียกได้ว่าเป็นปีที่ผู้คนจะได้ตกแต่งและแสดงฝีมือการออกแบบไฟในบ้านด้วยตนเอง เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจ โดยในภาพรวมแล้วคนจะเลือกวิธีการตกแต่งที่มีขั้นตอนที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ต้องดูแลรักษามันอีกเลย ด้านความงามจะนิยมงานออกแบบที่ดูคลาสสิกไร้กาลเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องให้ความรู้สึกทันสมัย และเหมาะสมกับการใช้งานด้วยในเวลาเดียวกันด้วย ว่าแล้วก็ไปเคานท์ดาวน์กันทีละเทรนด์เลยดีกว่าครับ

เทรนด์อันดับที่ 10 
ดวงโคมแบบแก้วเป่าที่นำมาออกแบบใหม่ให้ทันสมัยขึ้น ด้วยลูกเล่นและการใช้สี  
(The Updated Classic – Beautiful Hand-blown Glass in Daring New Style and On-Trend Colors)


Italian Murano Glass Floor Lamp In Noa Series By Lucente (B10 Lighting House)

Babol de Majo Illuminazione

Lown Glass Pendant Lamp By Wolf Art Glass (C19 Lighting House)

เป็นการใช้แรงบันดาลใจจากงานศิลปะคลาสสิกนำผสมผสานกับเส้นสายของความงามร่วมสมัย โดยการใช้วัสดุอย่างแก้วเป่าจากเกาะมุราโน่ (Murano, เมืองเวนิซ ประเทศอิตาลี) และนำรูปทรงคลาสสิกนั้นมาออกแบบรายละเอียดให้เป็นแบบสมัยใหม่ สร้างสัดส่วนใหม่ หรือทำสีให้เข้าเทรนด์ 2011 อย่างสีสดใส, สีควันบุหรี่ เป็นต้น


เทรนด์อันดับที่ 9
แชนเดอเลียขนาดเล็ก (Chandelets)


Bubble in space by Lasvit (Lighting House)

'LIIN' , Crystal Chandalet by Italamp (Lighting House)

Chandalet คือแชนเดอเลียขนาดเล็กที่ไม่จำเป็นต้องระโยงรยางค์และแขวนบริเวณจุดปลายสายตาเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นลูกปัดแก้วหรือวัสดุอื่นๆ ที่จัดวางโดยเล่นกับพื้นที่แนวตั้งเพื่อช่วยเปลี่ยนอารมณ์ของห้องให้เกิดสไตล์ที่ชัดเจนมากขึ้น


เทรนด์อันดับที่ 8
ดวงโคมที่มีสไตล์โดดเด่น ผลิตให้โดยเฉพาะรายบุคคลตามความต้องการของเจ้าของ  (Standout Customization and Style)

                                                Colour by Daniel Rybakken and Andreas Engesvik

 

 

ถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้าน หรือนักออกแบบมีความเป็นตัวของตัวเองสูง อยากได้งานออกแบบที่เป็นชิ้นหรือชุดเดียวในโลกหละก็...ทำเลยครับ เทคโนโลยีและต้นทุนการผลิตในตอนนี้สามารถสนับสนุนไอเดียที่แหวกแนวของคุณได้แล้ว อย่างเช่นใช้แผนอะคลิลิกใสและขุ่นสีๆมาวางซ้อนกันส่องไฟจากด้านหลัง(ตามภาพ) แค่นี้ก็ได้งานที่ไม่ซ้ำใครแล้ว หรือถ้าไม่อยากเหนื่อยเอง ลองเข้ามาหาเราที่ Lighting House สิ เราก็รับผลิตแบบ Customization กับเค้าเหมือนนะครับ

มาที่เทรนด์อันดับที่ 7
ดวงโคมที่มีรูปร่างจากธรรมชาติ และหรือวัสดุธรรมชาติ  
(Contemporary Organic) 

 Ochre (Lighting House)
"Spark" Swarovski Chain Lighting by Crystal Palace (Lighting House)

 W101 by Claesson Koivisto Rune for Wästberg 

ทำจาก DuraPulp (แผ่นไม้รีไซเคิลผสมแป้ง)

Rosa by Lasvit (Lighting House)
ดวงโคมที่ออกแบบให้มีรูปร่าง รูปทรง หรือลวดลายจากธรรมชาติ เช่น ดอกไม้, ต้นไม้, น้ำแข็ง, หรือองค์ประกอบทางธรรมชาติแปลกประหลาดอื่นๆ เป็นต้น รวมถึงการใช้สีที่เหมือนธรรมชาติ วัสดุธรรมชาติรวมถึงผ้าขนสัตว์ ฟาง ลินิน กำลังฮิตติดเทรนด์เช่นเดียวกันกับการออกแบบตกแต่งสไตล์ธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกสงบ

ในครั้งนี้ขอนำเสนอเพียงแค่ 4 อันดับท้ายก่อนนะครับ ลองหยิบเทรนด์ที่ผมเล่ามา ไปเป็นไอเดียในการเลือกซื้อโคมไฟที่ถูกใจคุณกันได้นะครับ
สำหรับวันนี้ Lighting House จะขอลาไปก่อนครับ แล้วพบกับเทรนด์ลำดับที่ 6 ไล่ไปถึงลำดับ 1 ใน ตอนหน้า ใครมีอะไรสงสัย หรืออยากแชร์ idea กับเรา ก็ comment หรือติดต่อกันเข้ามาได้ตลอดครับ




Credit ภาพและเรื่อง